ขั้นตอน จดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
คุณสมบัติของรถยนต์ไฟฟ้าในการจดทะเบียน
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีคุณลักษณะ เป็นไปตามที่กฎหมายกําหนด ดังนี้
ขนาดสัดส่วนของรถ
ขนาดสัดส่วนของรถต้องเป็นไปตามกฎกระทรวง กําหนด ลักษณะ ขนาดหรือกําลังของเครื่องยนต์และของรถที่จะรับจด ทะเบียนเป็นรถประเภทต่างๆ พ.ศ. 2548
ชนิดรถ | ขนาด กว้าง X ยาว X สูง |
จักรยานยนต์ | ไม่เกิน 1.1 X 2.5 X 2 เมตร |
รถยนต์สาธารณะ | ไม่เกิน 2.5 X 6 X 2 เมตร |
รถยนต์สีล้อเล็กรับจ้าง | ไม่เกิน 1.5 X 4 X 2 เมตร |
รถยนต์ส่วนบุคคล (เกินเจ็ดและไม่เกินเจ็ดคน) | ไม่เกิน 2.55 X 12 X 4 เมตร (กรณีกว้างไม่เกิน 2.3 ม. ให้มีความสูงได้ไม่เกิน 3.2 บ.) |
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล | ไม่เกิน 2.55 X 12 X 4 เมตร (กรณีกว้างไม่เกิน 2.3 ม. ให้มีความสูงได้ไม่เกิน 3 ม.] |
ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สําหรับรถ
ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สําหรับรถต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงกําหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สําหรับรถ พ.ศ. 2551 ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รถยนต์ | รถจักรยานยนต์ |
โครงสร้างและตัวดัง ที่มีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย และสามารถรองรับการทํางานของรถขณะที่มี น้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้ในทุกสภาพการใช้งาน | |
เครื่องกําเนิดพลังงาน สามารถขับเคลื่อนรถขณะที่มีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุก ด้วยความเร็วที่เหมาะสมใน สภาพการใช้งานตามปกติ | |
ระบบส่งกําลัง สามารถส่งกําลังรถขณะที่มี น้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้อย่างเหมาะสม และปลอดภัย | ระบบส่งกําลัง สามารถส่งกําลังรถขณะที่มีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย และมีอุปกรณ์ป้องกันผู้ขับรถและคน โดยสารไม่ให้ได้รับอันตรายจากการทํางาน เช่น ฝาครอบโช่ หรือบังโซ เป็นต้น |
ระบบบังคับเลี้ยว สามารถบังคับรถได้อย่างคล่องตัว สะดวก และปลอดภัย | |
ระบบห้ามล้อหลักสามารถลดความเร็วหรือ หยุดรถที่วิ่งอยู่ให้หยุดนิ่งได้อย่างปลอดภัย ติดตั้งในตําแหน่งที่ผู้ขับรถสามารถใช้การได้ สะดวก ระบบห้ามล้อขณะจอดสามารถทําให้ รถหยุดนิ่งในขณะจอดได้ | ระบบห้ามล้อ สามารถลดความเร็วหรือหยุด รถที่วิ่งอยู่ให้หยุดนิ่งได้อย่างปลอดภัย ติดตั้ง ในตําแหน่งที่ผู้ขับรถสามารถใช้การได้สะดวก |
ระบบเชื้อเพลิงหรือระบบพลังงานอื่น สามารถเก็บและส่งเชื้อเพลิงหรือพลังงานอื่นไปยังเครื่องกําเนิด พลังงานให้สามารถขับเคลื่อนรถได้อย่างปลอดภัย |
กําลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถ
กําลังของมอตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถต้องเป็นไปตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กําหนดกําลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2560 ดังนี้
รถยนต์ (รถเก๋ง)
น้ำหนักรถน้อยกว่า 450 กิโลกรัม (ไม่รวมน้ำหนักแบตเตอรี่) รถกระบะขนาดเล็ก น้ำหนักรถน้อยกว่า 600 กิโลกรัม (ไม่รวมน้ำหนักแบตเตอรี่) กําลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุด ไม่น้อยกว่า 45 กม./ ชม. ติดสติ๊กเกอร์ S |
รถยนต์/ รถตู้ รถยนต์กระบะบรรทุกขนาดทั่วไป
กําลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุด ไม่น้อยกว่า 90 กม./ ชม. |
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
กําลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 0.25 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุด ไม่น้อยกว่า 45 กม./ ชม. |
โดยต้องมีผลทดสอบที่แสดงถึงความสามารถขับเคลื่อนรถ ในขณะที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกตามที่ผู้ผลิตกําหนดด้วย ความเร็วสูงสุดตามที่กําหนดในประกาศ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที จากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานที่กรมการขนส่งทางบกยอมรับ เช่น สถาบันยานยนต์ เป็นต้น
ขั้นตอนการจดทะเบียนรถ
รถยนต์ใหม่ที่จะทําการจดทะเบียนผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าจะต้องขึ้นบัญชีกับกรมการขนส่งทางบก และดําเนินการขอรับรองแบบรถกับกรมการขนส่งทางบกก่อนจึงจะสามาดนํารถไปดําเนินการส่งบัญชี รถและผ่านการตรวจสภาพเพื่อดําเนินการจดทะเบียนต่อไปได้
- การรับรองแบบส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ ของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
เพื่อให้ส่วนควบและเครื่องอุปกรณของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลอาศัยอํานาจตามความกฏกระทรวง กําหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สําหรับรถ พ.ศ. 2551 ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกออกประกาศ กําหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ ที่ต้องผ่านการรับรองแบบ และกําหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะและการติดตั้งสําหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับรองแบบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สําหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยผู้ผลิตรถต้องมีหลักฐานการผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต เช่น มาตรฐาน IS09001 เป็นต้น เพื่อเป็นการยืนยันว่ารถแบบเดียวกันผลิตที่เดียวกันจะมีคุณภาพและมาตรฐานในการผลิตเหมือนกัน และต้องมีผลทดสอบความเร็วที่กําหนดเป็นเวลา 30 นาที จึงจะสามารถดําเนินการขอรับการรับรองแบบต่อไปได้ ซึ่งปัจจุบัน [พ.ศ. 2561] มีส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ที่ประกาศบังคับใช้แล้ว สําหรับรถยนต์ ไฟฟ้า 3 เรื่อง และ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 3 เรื่อง ดังนี้
- การส่งบัญชีรับและจําหน่ายรถ
ผู้ใดสั่งหรือนํารถหรือเครื่องยนต์สําหรับรถเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อจําหน่ายหรือผลิตหรือประกอบรถหรือเครื่องยนต์สําหรับรถขึ้นใหม่เพื่อจําหน่าย ผู้นั้นต้องส่งบัญชีประจําเดือน ในการรับและจําหน่ายรถหรือเครื่องยนต์สําหรับรถให้แก่นายทะเบียนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และเจ้าของรถต้องแสดงถึงแหล่งที่มาของรถสามารถแบ่งได้ 2 ส่วนหลัก คือ
1. รถนําเข้ามาใช้งานในราชอาณาจักรจะต้องมีหลักฐานการนําเข้าได้แก่ ใบรับ รองการนําเข้าจากกรมศุลกากร (แบบ 32) สําเนาใบขนส่งสินค้าขาเข้าบัญชีแสดงรายการสินค้า และใบเสร็จรับเงินอากรขาเข้า
2. รถผลิตภายในประเทศจะต้องมีหลักฐานหนังสือรับรองหลักฐานการส่งบัญชีรถ
- การตรวจสภาพ
เมื่อแบบรถที่ต้องการจดทะเบียนได้รับการรับรองและส่งบัญชีเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถนํารถค้นที่ต้องการจดทะเบียนเข้ารับการตรวจสภาพต่อไปได้ ซึ่งในขั้นตอนการตรวจสภาพนี้ เจ้าหน้าที่จะทําการตรวจสอบ หมายเลขระบบส่งกําลัง หมายเลขตัวถัง ลักษณะ ขนาด สัดส่วน ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ ให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายว่าด้วยรถยนต์กําหนด ซึ่งเป็นไป ตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการตรวจสภาพรถและ เกณท์การวินิจฉัยผลการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วย รถยนต์ พ.ศ. 2555
- ดําเนินการจดทะเบียน
1) ยื่นแบบคําขอจดทะเบียนรถที่กรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้ยื่นคําขอเรียบร้อยพร้อมหลักฐาน
2)นํารถเข้ารับการตรวจสภาพ ได้ที่งานตรวจสภาพรถยนต์ สํานักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสํานักงาน ขนสงจังหวัดทั่วประเทศ
3) ยื่นขอตัดบัญชีรถ ที่ส่วนควบคุมบัญชีรถและเครื่องยนต์
4) ชําระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจําปี ที่งานทะเบียนรถ
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงมอเตอร์ไฟฟ้า
รถที่เคยจดทะเบียนไว้แล้ว และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงมอเตอร์ไฟฟ้า ให้เจ้าของรถยื่นเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ประกอบคําขอการถําเนินการทางทะเบียนและภาษีรถด้วย โดยมีเงื่อนไขการพิจารณา ดังนี้
1.หนังสือรับรองของวิศวกร ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมเครื่องกลและสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าตามขอบเขตและความสามารถที่กฎหมายว่า ด้วยวิชาชีพวิศวกรรมกําหนด รับรองว่ารถมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยในการใช้งานและรับรองความปลอดภัย ของระบบไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) รายละเอียดการออกแบบหรือดัดแปลงพร้อมรายการคํานวณที่แสดงถึงคุณลักษณะของรถ การติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่ใช้ขับเคลื่อน รวมถึงระบบเบรก ระบบบังคับเลี้ยว การกระจายน้ำหนักรถ ระบบส่งกําลังและสมรรถนะของรถ
2) กําลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้า
3) ขนาดแรงเคลื่อนและความจุของแบตเตอรี่
4) น้ำหนักรถไม่รวมแบตเตอรี่ น้ำหนักแบตเตอรี่ รถรวมแบตเตอรี่ น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก
5) ความเร็วสูงสุด
6) ระยะทางที่วิ่งได้ โดยแสดงการคํานวณความสัมพันธ์ กันระหว่างขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และความจุแบตเตอรี่ แปรนั้นมา เป็นความเร็วและระยะทางที่ทําได้
7) วงจรการควบคุมระบบไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ รวมถึงลักษณะและขนาดของสายไฟที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนที่เหมาะสม ไฟฟ้า
- ผลทดสอบที่แสดงถึงความสามารถขับเคลื่อนรถในขณะที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกตามที่ผู้ผลิตกําหนดด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กําหนดในประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กําหนดกําลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2560 ได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 30 นาที จากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานที่กรมการขนส่งทางบกยอมรับ น้ำหนัก เช่น สถาบันยานยนต์ เป็นต้น
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีการพิจารณาควบคู่กับระเบียบการตรวจสภาพและระเบียบการถัดแปลงรถด้วย
จดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เหมือนหรือแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างไร
ค่าจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าจะต่างจากรถยนต์ทั่วไป ในการถำเนินการจดทะเบียนกรณีรถเก๋ง กระบะ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีในอัตรา ดังนี้
- ค่าธรรมเนียม ได้แก่ คำขอ 5 บาท, ค่าแผ่นป้ายทะเบียน แผ่นละ 100 บาท 2 แผ่นป้ายรวมเป็น 205 บาท และค่าใบคู่มือจดทะเบียนรถ 100 บาท และค่าตรวจสภาพ 50 บาท รวมทั้งหมด 355 บาท
- อัตราชำระภาษี ค่าจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าจะต่างจากรถยนต์คือ รถยนต์ทั่วไปเป็นการจัดเก็บตามความจุกระบอกสูบรวมกันของเครื่องยนต์ของรถยนต์แต่ละคัน แต่รถยนต์ไฟฟ้า จะจัดเก็บภาษีตาม น้ำหนักรถ และลดกึ่งหนึ่งของอัตราที่กำหนด
ปัจจุบันต้องมีการติดสติ๊กเกอร์แสดงท้ายรถยนต์หรือไม่อย่างไรเพราะอะไร
ให้รถยนต์ไฟฟ้าติดเครื่องหมายตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด (พื้นเครื่องหมายเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีน้ำเงินเข้ม ปรากฏข้อความ “รถขนาดเล็ก S” สีขาวสะท้อนแสง) เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นรถขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
ที่มา กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)